ถึงจะไม่อยากออก แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็คิดใหม่เถอะ พฤศจิกายน 8, 2018พฤศจิกายน 9, 2018chakun muijaibunArticle ถึงจะไม่อยากออก แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็คิดใหม่เถอะ ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนงานบ่อย ๆ หรอกนอกจากจะเสียประวัติการทำงานแล้ว ยังต้องมาทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ที่ทำงานใหม่ ๆ อยู่บ่อย ๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่เอาเป็นว่าในความเป็นจริงทุกคนก็มีเหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนงานแหล่ะ อยู่ที่ว่าของใครจะฟังดูแล้วจะเป็นหรือไม่จำเป็นเท่านั้น และ WorkVenture ได้รวบรวมเหตุผลที่แบบว่า ถ้าเจอแบบนี้ในที่ทำงานก็เปลี่ยนงานเถอะ ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป ทำไปได้แต่ไม่ก้าวหน้า ลองคิดว่าถ้าต้องทำงานเดิมทุกวันไม่มีเปลี่ยนเลยจนวันเกษียณ เราจะรู้สึกอย่างไร แค่คิดก็คงเบื่อแย่แล้ว เหมือนทำงานให้จบไปวัน ๆ แล้วก็กลับบ้าน ไม่มีพัฒนาศักยภาพอะไรให้ก้าวทันโลกปัจจุบันได้เลย ดังนั้นงานที่ทำอยู่ต้องมีความก้าวหน้า มี Career Path ชัดเจน แบบว่ามาทำงานแล้วรู้เลย ถ้าทำตามเงื่อนไขนี้ ภายในระยะเวลาเท่านี้ จะได้เลื่อนขั้นเป็นตำแหน่งอะไร แต่ถ้าทำไปแล้วมองไม่ออกเลยว่าอีก 3 ปีหน้าจะมีโอกาสได้เลื่อนขั้นหรือเปล่า หรือจะเป็นตำแหน่งงานเดิม ซ้ำร้ายคือเงินเดือนไม่เพิ่ม โบนัสไม่มี อันนี้ต้องคิดหนัก ๆ แล้วล่ะว่าเราจะไหวหรือเปล่า ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ข้อจำกัดหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนต้องรับให้ได้คือ “บริษัทซื้อเวลาของคุณมาทำงาน” ดังนั้นเราต้องใช้เวลาวันละ 8 – 9 ชั่วโมงไปกับการทำงาน บางที่ดีหน่อยให้เราจัดสรรเวลาเข้าทำงานได้เองเพราะมีการทำงาน Flexible Hour แต่ก็ต้องเข้าทำงานให้ครบชั่วโมงที่ตกลงกันไว้อยู่ดี ซึ่งคนพวกนี้นับว่าโชคดี แต่ถ้าเกิดเราดันไปทำงานในองค์กรที่มีแนวคิดว่ากลับช้าเป็นคนขยันนี่ เหนื่อยเลยนะ แบบว่างานเสร็จแล้วก็ยังต้องอยู่ที่ทำงาน รอจนคนอื่นกลับถึงจะได้กลับพร้อมกัน แล้วถ้ารวมเวลาเดินทางอีกวันละ 2 – 3 ชั่วโมงอีก แทบไม่ได้นอน แล้วก็ยังไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ไม่มีเวลาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมหรือพัฒนาตัวเอง หรือทำอะไรเลย ถ้าเป็นแบบนี้ลองชั่งน้ำหนักดูว่าสุขภาพและเวลาที่เสียไปนั้นยังคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับอยู่หรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่าบริษัทขาดเรา เขาก็หาคนมาทำงานแทน แต่ถ้าครอบครัวขาดเรา เขาหาใครมาทำงานแทนไม่ได้แล้วนะ ทำงานไปแล้วป่วยบ่อย การทำงานไม่ว่าจะงานใดก็แลกกับสุขภาพทั้งนั้น เพราะเราต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้บริษัท แต่ถ้าทำงานหนักจนป่วยบ่อย ๆ ทั้ง ไมเกรน โรคนอนไม่หลับ อ่อนเพลียง่าย ออฟฟิศซินโดรม หรือเลวร้ายที่สุดคือโรคซึมเศร้า อันนี้ไม่ไหวแล้วแหล่ะ แสดงว่างานมันเครียดและทำร้ายคุณจนเกินไป ขั้นต้นลองหาเวลาออกกำลัง เพราะการออกกำลังจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ทำให้สมองใสและมีแรงกายพร้อมต่อการทำงาน แต่ถ้าออกกำลังกายแล้วยังไม่หาย อาจจะเป็นได้ว่าสาเหตุมาจากตัวงานเองนั่นแหล่ะ ที่ทำงานอาจจะกระจายไม่ดี ทำให้ภาระหลายอย่างตกมาที่คุณ ไม่มีทางออก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปนาน ๆ เจ็บป่วยจากงานบ่อย ๆ ก็บอกลาเถอะ ทำงานแล้วไม่มีความสุข ถ้าสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอก แต่มาจากปัจจัยภายในอันนี้คงถึงคราวต้องเปลี่ยนงานจริง ๆ แล้วแหล่ะ เพราะถ้ามาทำงานแล้วเจอปัญหาการเมืองในที่ทำงาน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือสังคมในที่ทำงานไม่ส่งเสริมให้เรามีความรู้สึกอยากไปทำงาน จ้องแต่จะจับผิดกัน จากงานที่ก็หนักอยู่แล้ว ยังต้องมาเครียดเรื่องคนเพิ่มไปอีก อันนี้ก็เริ่มต้นมองหางานใหม่เถอะ ไม่คุ้มกับค่ายารักษาสุขภาพจิตหรอก นี่ไม่ได้จากบอกเจอแบบนี้แล้วให้ไปยื่นใบลาออกทันทีเลยนะ ใจเย็น ๆ คิดถึงเหตุผลให้รอบด้านก่อน ไหนจะความจำเป็นทางด้านการเงิน และผลที่เกิดจากการลาออกอีกอย่างการหางานใหม่ที่ต้องใช้เวลานะ เอาไว้หางานใหม่ได้ แล้วค่อยออกแบบนี้น่าจะดีกว่า อย่าลืมเตรียมเหตุผลดี ๆ ด้วยว่าทำไมถึงออกจากงานเก่า WorkVenture เตือนแล้วนะ Facebook iconFacebookLINE iconLine