7 เคล็ดลับปรับสมดุลการทำงาน “ทำน้อย ได้มาก”

7 เคล็ดลับปรับสมดุลการทำงาน “ทำน้อย ได้มาก”
Highlight:ทำงานหนักแต่ประสิทธิภาพกลับลดลง สัญญาณอันตรายที่เตือนว่าคุณต้องปรับสมดุลการทำงานใหม่แล้ว
“ไม่สำคัญหรอกว่าในแต่ละวันเราทำงานกี่ชั่วโมง สำคัญที่ว่าเราทำงานอย่างไรมากกว่า”
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่าพนักงานจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงเมื่อทำงานเกินสัปดาห์ละ 50 ชั่วโมง และประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างมากเมื่อต้องทำงาน 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้น พนักงานที่ทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จึงได้ปริมาณงานหรือผลผลิตใกล้เคียงกับคนที่ทำงาน 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่นายจ้างต้องจ่ายเงินเพิ่มโดยไม่ได้งานคุณภาพดีแต่อย่างใด
ย้อนกลับมาที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจกันบ้าง ผู้ประกอบการรู้ดีว่าเวลาคือสิ่งสำคัญ แต่มีกี่คนกันที่บริหารจัดการและใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักบอกว่าต้องแบ่งเวลาให้เป็น วันหยุดก็พักผ่อนบ้าง ใช้เวลาก่อนนอนวางแผนงานของอาทิตย์ถัดไป ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ เอาเป็นว่าลองมาดูเคล็ดลับการทำงานให้น้อยลง แต่ประสบความสำเร็จสูงขึ้นจากประสบการณ์ของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกันดีกว่า
1. เวลาทำงาน = ทำงาน เท่านั้น!!!
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่างานแต่ละงานไม่เหมือนกัน บางงานจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ ใช้ไลน์ เฟซบุ๊กคุยกับลูกค้า แต่ถ้างานของเราไม่จำเป็นต้องยุ่งกับโซเชียลมีเดีย จงปิดมันซะ (ทั้งมือถือและใน PC) และลงมือทำงาน ช่วงพักเที่ยงหรือหลังเลิกงานค่อยหยิบขึ้นมา เพราะถ้าในเวลาทำงาน เราไม่เปิดเฟซบุ๊ก ดูไลน์ หรือทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน รับรองได้เลยว่างานที่เรารับผิดชอบอยู่จะคืบหน้าไปไกลมาก
2. ลดงานที่เหลือให้น้อยลง
หากคุณต้องนำงานกลับมาทำวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นั่นแปลว่าคุณต้องทำงาน 7 วัน หากทำต่อเนื่องเป็นประจำจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีวันหยุดก็เหมือนไม่ได้หยุด ทำให้เครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ทางแก้คือพยายามบริหารจัดงานงานให้เสร็จภายในเย็นวันศุกร์ (อาจนำงานกลับมาทำที่บ้านในวันจันทร์-ศุกร์) และปล่อยให้เสาร์อาทิตย์คือวันหยุด ไปเที่ยว ไปเติมเต็มความต้องการให้กับจิตใจ เพื่อให้พร้อมทำงานในเช้าวันจันทร์
3. บริหารจัดการงานใหม่
บางครั้งเราต้องเช็คเมล์ ตอบอีเมล์ลูกค้า หรือทำงานเอกสารซึ่งต้องใช้สมาธิ แต่ไม่สามารถทำได้สะดวกในออฟฟิศที่เสียงดัง และมีบรรยากาศเคร่งเครียดสูง ลองปรับงานบางประเภทมาทำช่วงเย็นวันธรรมดา หรือกำหนดเวลาทำงานที่ไม่สามารถทำในที่ทำงานได้ เพื่อนำกลับมาทำในวันหยุดซัก 2-3 ชั่วโมงแทน
4. ออกกำลังกาย
วันธรรมดาไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีวันหยุดให้ออกกำลังกายได้ถึง 48 ชั่วโมง และเพียงแค่เราออกกำลังกายอย่างน้อย 10-20 นาที ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟิน ช่วยให้เรามีความสุขและลดความเครียดลงได้ เมื่อเครียดน้อยลง ก็มีโอกาสที่เราจะคิดไอเดียใหม่ๆ ได้
5. วิเคราะห์ภาพรวมการทำงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์ที่ผ่านมาเราทำอะไรไปบ้าง ผลลัพธ์เป็นอย่างไร มีจุดไหนที่ผิดพลาด ต้องปรับปรุงอย่างไร การวิเคราะห์ภาพรวมการทำงาน จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการทำงานหรือธุรกิจของเรา กำลังเดินไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ดี เพื่อให้เราสามารถวางแผนการทำงานในสัปดาห์ต่อไปได้
6. เตรียมความพร้อมสำหรับสัปดาห์ถัดไป
หลังจากวิเคราะห์งานในสัปดาห์ที่ผ่านมาเสร็จแล้ว ลองใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที เพื่อวางแผนการทำงานในสัปดาห์ถัดไป เช่น มีงานสำคัญอะไรบ้าง ต้องติดต่อใคร มีรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์หรือยัง งานที่ค้างจากสัปดาห์ที่แล้วมีอะไรบ้าง จากนั้นจดบันทึกลงไป เมื่อเช้าวันจันทร์มาถึงจะได้ลงมือปฏิบัติได้ทันที ดีกว่าไปนั่งง่วงเช้าวันจันทร์ และต้องมาวางแผนหน้างาน ก็จะทำให้เสียเวลาการทำงานโดยใช่เหตุ
7. ทำในสิ่งที่ชอบ
คนทุกคนต้องมีสิ่งที่ตัวเองชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง วาดภาพ เล่นกีฬา ฯลฯ หรือใช้เวลากับเพื่อนสนิทและคนในครอบครัว พยายามหาเวลาว่างเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ เพื่อลดความเครียดจากการทำงาน และปรับอารมณ์ให้พร้อมต่อการทำงานในสัปดาห์ต่อไป
สรุปสั้นๆ คือ เราต้องสร้างระเบียบวินัยการทำงานให้กับตัวเอง ไม่ทำเรื่องอื่นในเวลางาน บริหารจัดการงานให้เป็นระบบ งานไหนทำที่บ้านได้ค่อยนำกลับมา ใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดเพื่อเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจ รวมถึงวางแผนการทำงานล่วงหน้า เท่านี้ เราก็จะมีเวลาในการทำงานมากขึ้น สามารถใช้เวลาในการทำงานได้น้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น